มองมุมกว้างอย่างง่าย


ยังคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันชี้ชะตาประเทศโดยมือของคนไทยเองว่าจะผลักดันแนวทางการบริหารประเทศให้เป็นไปในทิศทางใด และในวันนี้ (26 มิ.ย.54) ก็เป็นวันที่เปิดให้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนอกเขตตั้งแต่เวลา 08.00 - 15.00 น.เช่นเดียวกัน ซึ่งจำนวนยอดของผู้เข้าใช้สิทธิก็จะเป็นตัวชี้ให้รู้ถึงความคิดของผู้คนว่าคิดอย่างไรกับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะหากจำนวนผู้เข้าใช้สิทธิต่ำกว่าที่คาดไว้มากก็เป็นตัวสรุปผลในวันที่ 3 ได้ทันทีว่าไม่น่าจะออกมาดีนัก และก็อาจสรุปได้ว่า ประชาชนบางส่วนยังคงสงวนสิทธิในความนิ่งอยู่ต่อไปโดยไม่สนใจใยดีต่อการเมืองที่วุ่นวายไม่รู้จบ

ในขณะที่บรรยากาศการหาเสียงก็ดำเนินไปตามวิธีการที่เคยทำกันมาแต่โบราณ ทั้งกลั่นแกล้ง รบกวนการหาเสียง ข่มขู่ผู้สมัคร ทำร้ายผู้สมัคร ฆ่าตัดตอนหัวคะแนน ทำลายป้ายคู่แข่ง (คงจะต้องรวมไปถึงการกระทำกับของตนเองด้วยอันเป็นวิถีทางการหาเสียงนอกระบบ) แต่ในจำนวนความผิดร้ายแรงถึงชีวิตบางหนก็มีการมุ่งร้ายต่อชีวิตด้วยสาเหตุอื่นๆ อีกด้วยแต่อาศัยช่วงเวลาเลือกตั้งมาปฏิบัติการเพื่อหวังผลในการเบี่ยงเบนประเด็นการตายนั่นเอง ทั้งที่ผู้ตายก็เป็นคนที่ถูกจ้องสังหารโดยธรรมชาติอยู่ทุกวันอยู่แล้วจากธุรกิจหรือวีรกรรมที่มีมา

ประชาชนส่วนมากมั่นใจว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้สถานการณ์ทางการเมืองจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นเลย นักการเมืองส่วนมากก็ยังคงทำทุกวิถีทางที่จะกอบโกยแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง ส่วนบรรดานักธุรกิจการเมืองก็ยังจะมุ่งหน้าขุดคุ้ยกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศต่อไปให้คุ้มกับการลงทุนทางการเมือง

สัญญาประชาคมทั้งหลายที่มีอยู่เป็นเพียงการนำเงินภาษีของประชาชนส่วนหนึ่งจากระดับกลางมาจ่ายให้กับระดับล่าง แต่ผู้ร่ำรวยทรัพย์สินและอำนาจก็จะะจับมือกับนักการเมืองเพื่อออกกฎหมายต่างๆ นาๆ ให้ยอกย้อนสับสนเพื่อหลีกเลี่ยงการสญเสียรายได้และกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ของพวกตน โดยผลักภาระในการใช้จ่ายไปให้กับงบประมาณแผ่นดิน เหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีต

นี่คือประเทศไทยที่ต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งที่ว่า ประชาชนในระดับล่างๆ ไม่รับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติจากการกระทำของนักการเมืองเพราะตนเองก็ได้รับส่วนแบ่งจากผลประโยชน์เหล่านั้นด้วยเช่นกันในรูปของสวัสดิการต่างๆ ตามนโยบายประชานิยมหลากหลายชนิด ประกอบกับได้รับโอกาสในการบริหารปกครองชุมชนของตนเองบ้างเป็นการยกระดับฐานะของผู้คนให้สูงขึ้นเฉพาะกิจ จนเกือบทุกคนมีคำนำหน้าชื่อด้วยตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นมาใช้กันแบบถาวร แล้วก็เริ่มศึกษาวิธีการกอบโกยผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่กันเป็นล่ำเป็นสัน ขยายโอกาสทางการกอบโกยในระบบคอรัปชั่นให้เจริญก้าวหน้ากว้างไกลยิ่งขึ้น

ประชาชนกลุ่มนี้จึงยึดมั่นในตัวบุคคลที่ร่ำรวยมหาศาลและมาเป็นผู้บริหารปกครองตน เนื่องจากคิดง่ายๆ ว่า คนรวยย่อมไม่โกง และมีแต่การแบ่งปันความร่ำรวยมาสู่พวกตนอย่างถ้วนทั่ว

ตายไปแล้วสิบชาติ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะคิดออกรึยังเกี่ยวกับเรื่องนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รู้จักพรรคประชาธิปัตย์

เวลาที่ผ่านไป

คุณบุญรอด