ทางสายการเมือง

จากบรรดาหลักฐานทางโบราณคดีและบันทึกจากประวัติศาสตร์ เชื่อว่าความตื่นตัวในทางการเมืองของบ้านเราก่อกำเนิดขึ้นมาจากวิชาการและความรู้ที่ได้รับการบอกเล่ามาจากบรรดาชาวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศเราตั้งแต่ยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากจุดเริ่มต้นด้วยการศึกษาภาษาต่างประเทศรวมไปถึงความรู้ในด้านอื่นๆ จากชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนก็ได้รับการแต่งตั้งให้มียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นสิ่งตอบอทน ทำให้ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มมากขึ้นทั้งจากราชสำนัก ทั้งจากการประกอบธุรกิจส่วนตัวในการค้าขายกับต่างประเทศ จึงทำให้มีฐานะทางสังคมสูงส่งกว่าคนไทยโดยทั่วไป ในยุคกลางของกรุงรัตนโกสินทร์ก็เริ่มมีการส่งคนในประเทศข้ามน้ำข้ามทะเลไปเข้ารับการศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้น ป็นการเริ่มต้นร่างแนวความคิดในระบอบการปกครองที่เป็นรูปแบบใหม่และกำลังระบาดหนักอยู่ในประเทศตะวันตกจากการลุกฮ์อของประชาชนเพื่อล้มล้างระบอบกษัคริย์ในหลายประเทศติดต่อกัน


ความสับสนลังเลเกี่ยวกับระบอบการปกครองรูปแบบใหม่ๆ ก่อให้เกิดปัญหาติดตามมาหลายประการ จนมาถึงยุคสมัยของ คณะราษฎร กับวันที่ 24 มิถุนายน 2475 อันเป็นการเปิดตัวระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาในบ้านเราอย่างสมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรก แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงแบบร่างชนิดถาวรเท่านั้น เพราะการเมืองไทยยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ภายใต้ร่มเงาของเผด็จการมาโดยตลอด จากยุคเผด็จการทหารหลัง 2475 ยาวนานมาจนถึงการปลดแอกครั้งใหญ่เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 การเมืองไทยเริ่มผงาดชูคอขึ้นมาก่อร่างสร้างตัวใหม่แต่ดูเหมือนว่าประชาชนโดยทั่วไปก็ยังคงสับสนงุนงงอยู่กับอำนาจในมือของตนว่าจะใ้ช้อย่างไร? เนื่องจากในการเลือกตั้งหลายครั้งต่อมาประชาชนก็พบว่าอำนาจในมือที่มอบให้กับผู้แทนราษฎร ถูกนำไปใช้ในทางที่เกิดประโยชน์กับตัวบุคคล มากกว่าเกิดประโยชน์กับประเทศชาติโดยรวม นักการเมืองส่วนมากพากันกอบโกยแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนอย่างไม่ใยดีต่อความรู้สึกของประชาชน

ช่วงเวลาของการถามหาอัศวินม้าขาว คือ การคืนกลับมาของอำนาจเผด็จการเป็นช่วงๆ สลับกับการคืนกลับมาของระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แล้วก็คืนกลับไปหาวงจรอุบาทว์ของการกอบโกยผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยนักการเมืองบางกลุ่มที่รวมตัวกับกลุ่มทุน นักธุรกิจที่ก่อตั้งช่วงเวลาของเผด็จการรัฐสภาขึ้นมา สร้างความชอบธรรมให้กับตนเองเพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของแผ่นดิน ทำให้ประชาชนต้องเรียกร้องหาอัศวินม้าขาว อีกครั้ง และอีกครั้ง โดยไม่มีวันสิ้นสุด เพื่อที่จะคืนอำนาจกลับไปสู่อุ้งมือประชาชนให้ก่อเกิดประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง

หัวใจของปัญหา คือ ความสำนึกในหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องใช้ สติ ปัญญา และเหตุผล ที่เหมาะสมในการเลือกสรรตัวบุคคลที่จะเข้าไปเป็นตัวแทนในการบริหารประเทศ ด้วยความเที่ยงธรรมโดยคำนึงถึงความเป็นคนดี มากกว่าคนดัง
ที่มาของปัญหา คือ การขาดความสำนึกในหน้าที่ของนักการเมืองบางคน ความไร้คุณธรรมและจริยธรรมของนักการเมืองบางคน ความจริงใจในการอาสาเข้ามาอยู่บนถนนสายการเมืองด้วยความหวังดีต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง

ประชาชน คือ คำตอบสุดท้ายของความหวังทั้งมวล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รู้จักพรรคประชาธิปัตย์

เวลาที่ผ่านไป

คุณบุญรอด