กฎหมายคอมฯ
อันที่จริงร่างกฎหมายนี้เคยเผยโฉมออกมาครั้งแรกน่าจะประมาณปี 2554 แต่ก็มีเสียงคัดค้านทักท้วงกันระงมจนต้องกลับไปทบทวนบทบาทและเริ่มดำเนินการสัมนาระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทั้งทางด้านไอที ทั้งด้านกฎหมายมหาชน เพื่อหาทางออกที่สวยงามที่สุดให้เป็นที่ถูกใจของผู้คนทั้งแผ่นดิน (แต่ในความจริงแล้วก็เอาแค่ถูกใจคนในฝ่ายนิติบัญญัติเพียงไม่กี่คนก็พอเพียงแล้ว) เนื่องจากประชาชนทุกคนไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปนั่งเสนอหน้ายกมือคัดค้านอะไรได้อยู่แล้ว ส่วนการคัดค้านด้านหลักการของนักวิชาการจากภายนอกสภาก็ดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรต่อกระบวนการพิจารณาออกกฎหมายของรัฐสภาเช่นกัน
เนื้อหาของร่างกฎหมายฉบับนี้หาอ่านได้ทั่วไปในโลกออนไลน์ ครอบคลุมกว้างไกลทั้งด้านความมั่นคงแทบจะทุกแง่มุมด้านไอที รวมไปถึงกฎหมายอาญาเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทที่มีอัตราโทษหนักกว่าที่กำหนดโทษไว้ในประมวลกฎหมายอาญาเสียอีก ตามมาด้วยการบัญญัติศัพท์หรือคำจำกัดความที่กำกวม ซ่อนเงื่อนจนต้องใช้สันขวานไปตีความกันหลายรอบก็ยังไม่เข้าใจจนเกือบจะแน่ใจได้ว่า "นี่คือมาตราการเปิดช่องทางทำมาหากินให้กับเจ้าพนักงาน" ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้
ที่สำคัญที่สุดก็คือ กฎหมายฉบับนี้มีข้อความในเนื้อหาที่ละเมิดต่อสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอย่างโจ่งแจ้ง และแน่นอนว่าเนื้อหาเหล่านี้ย่อมขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงไม่สมควรที่จะมีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติจนกว่าจะมีการระดมความคิดจากทุกฝ่ายอย่างเป็นทางการ และควรจะผ่านการลงประชามติจากประชาชนเสียก่อน เนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายมีผลกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งแผ่นดิน
ร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ควรจะเป็น ร่าง พ.ร.บ.ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการควบคุมการใช้งานคอมพิวเตอร์ของประชาชนในแนวทางที่สร้างสรรค์ โดยพิจารณาถึงผลกระทบที่จะติดตามมาอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชน ที่น่าจะเป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์จากกฎหมาย ไม่ใช่เป็น ร่าง พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ ที่ประกาศใชช้เพื่อควบคุมและจำกัดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน
ความคิดเห็น